CAR MOB CALL OUT ชุมนุม 29 สิงหา ขับไล่ ประยุทธ์

CAR MOB CALL OUT

ผู้สื่อข่าวการเมืองรายงานเหตุที่สำนักงานข่าวยูดีดี นิวส์ (UDD NEWS)แยกแคราย จ.นนทบุรี นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ แกนนำแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ(นปช.)และ แกนนำผู้จัดกิจกรรม นายสมบัติ บุญงามอนงค์ หรือ บก.ลายจุด แถลงข่าวรายละเอียดกิจกรรมนัดชุมนุม29สิงหาCAR MOB CALL OUTว่า การนัดหมายครั้งนี้ถือเป็นการนัดหมายครั้งสำคัญโดยหลังจากนี้เราจะยกระดับการเคลื่อนไหวเชิญชวนประชาชนทั้งประเทศออกมาแสดงพลัง ไม่ไว้วางใจและขับไล่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีมาเพื่อแสดงให้เห็นว่ามีประชาชนมากมายเพียงใดที่ไม่เอาพลเอกประยุทธ์โดยการชุมนุม29สิงหา เป็นการแสดงพลังครั้งสุดท้ายก่อนจะยกระดับการชุมนุมใหญ่หลังจากนี้ไม่กี่วัน ซึ่งครั้งนี้ก็ยังคงเช่นเดิมมีสีสันในการจัดประกวดตกแต่งรถป้ายข้อความ เพิ่มเติมคือการประกวดภาพถ่ายจากช่างภาพสมัครช่างภาพอิสระ เล่น ทั้งภาพนิ่ง และวีดีโอโดยนำภาพถ่ายของท่านขึ้นโชว์ในโลกออนไลน์ จะมีคณะกรรมการตรวจสอบและให้คะแนน นอกจากนั้นยังมีการประกวดของเชียร์สองข้างทางในการมีส่งนร่วมและเผยแพร่ภาพลงในโซเชียลมิเดียร์เป็นการหล่อหลวมพลังทุกกลุ่มมารวมกันเดินทางไปทิศทางเดียวไปทิศทางเดียวกัน โดยนัดหมายในเวลา 14.00 น.

นายณัฐวุฒิ กล่าวอีกว่า เริ่มจากแยกเกษตร หัวขบวนมุ่งหน้าถนนวิภาวดีท้ายขบวนยาวไปทางฝั่งถนนเกษตร-นวมินทร์ 15.00 น. จะเคลื่อนขบวนลอดใต้อุโมงค์เกษตร ผ่านหน้ามหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ข้ามสะพานถนนวิภาวดีผ่านหน้าเรือนจำข้ามสะพานแยกพงษ์เพชรตรงข้ามสะพานแยกแคราย มุ่งสู่ถนนรัตนาธิเบศร์ข้ามพระนั่งเกล้า(ใหม่) ผัดแยกท่าอิฐจากนั้นขึ้นสะพานยกระดับวนขวาไปทางถนนราชพฤกษ์(เกาะช่องจราจรซ้ายสุด)จากนั้นขึ้นสะพานยกระดับวนขวาเข้าถนนชัยพฤกษ์ จากนั้นมุ่งหน้าไปทางปากเกร็ดขึ้นสะพานพระรามสี่ ลงสะพานทางซ้าย เข้าห้าแยกปากเกร็ดเลี้ยวซ้าย เข้าถนนติวานนท์มุ่งหน้าสวนสมเด็จฯงั้นตรงไปเรื่อยๆ จะเข้าเขตเชื่อมต่อระหว่างจ.นนทบุรี-จ.ปทุมธานี จากนั้นมุ่งหน้าไปทางปทุมธานี ข้ามสะพานปทุมธานีแล้วไปสุดทาง ที่ลายเทพปทุม ริมแม่น้ำเจ้าพระยา บริเวณหน้าศาลากลางหลังเก่าจ.ปทุมธานี

“เราจะไปเส้นทางเดียวกันทั้งขบวนCAR MOB CALL OUTแตกต่างกว่าทุกครั้งที่ผ่านมาซึ่งครั้งนี้มีระยะทางไกลรวม 50 กิโลเมตร เชื่อมต่อกรุงเทพปริมณฑลกินพื้นที่สามจังหวัด จากนั้นพอถึงจุดหมายปลายทางแล้ว จะมีการปราศรัยเราจะปิดขบวบ พร้อมกันประกาศเจตนารมณ์ ขับไล่ ประยุทธ์ แล้วทางเราจะแจ้งกำหนดนัดหมายการชุมนุมใหญ่ในครั้งถัดไป ซึ่งจะไม่เห็นการเคลื่อนขบวนอย่างที่ผ่านมาหลังจากนี้การชุมนุมรูปแบบคงเปลี่ยนแปลงไปเรายังคงยืนยันหลักการชุมนุมด้วยสันติวิธีเรามีเจตนารมย์ ที่เปิดเผยไม่เข้าไปในพื้นที่เปาะบาง หรือพื้นที่เผชิญหน้า ที่อาจทำให้เกิดความรุนแรงในทุกรูปแบบไม่มีลุยไม่มีเผชิญหน้าไม่มีปะทะมีแต่ความมุ่งมั่นไม่ลดละที่จะขับไล่พล.อ.ประยุทธ์ ให้พ้นตำแหน่งนายกรัฐมนตรี เรายินดีที่จะเปิดรับทุกคนทุกกลุ่มทุกฝ่ายที่มีเจตนารมย์ร่วมกัน และเข้าใจในภารกิจร่วมกัน เราจะมีการประสานงานกับทางเจ้าหน้าที่ตำรวจเพื่อสร้างแนวทางการเคลื่อนไหวให้เข้าใจเส้นทางเข้าใจรูปแบบเข้าใจวัตถุประสงค์ถือว่าเป็นการทำงานร่วมกันอำนวยความสะดวกให้กันและกันซึ่งเราสามารถขึ้นไหวตามเสรีภาพของเราซึ่งกฎหมายคุ้มครองเจ้าหน้าที่ ก็สามารถที่จะปฏิบัติงานอำนวยความสะดวกดูแลความปลอดภัยให้พี่น้องประชาชนได้

นายสมบัติ กล่าวว่า ตนมองว่ารูปแบบคาร์ม็อบ เดินทางมาถึงจุดสำคัญ แต่ครั้งนี้เป็นครั้งที่ห้าแล้วเชื่อว่าโดยรูปแบบโดยในแต่ละครั้งก็มีการยกระดับมีประชาชนเข้าร่วมจำนวนมากและเรามั่นใจว่าในครั้งที่ 5 คาดว่าจะมีประชาชนเข้าร่วมจำนวนมากที่สุดเท่าที่เราเคยทำกิจกรรมมา ในเชิงปริมาณถือว่าจะใช้จำนวนคนที่เข้าร่วมกิจกรรมเป็นหน้าตักเพื่อที่จะเสนอไปถึงตัวพลเอกประยุทธ์และพรรคร่วมรัฐบาลไม่เช่นนั้นฝ่ายการเมืองก็จะอธิบายว่าเป็นประชาชนกลุ่มหนึ่ง เราจะใช้จำนวนคนเป็นตัวที่จะบอกว่าเราเป็นประชาชนกลุ่มไม่น้อยที่ออกมาเคลื่อนไหว และหลังวันที่ 29 สิงหา เป็นวันที่สำคัญ เพราะจะเป็นวันที่เชื่อมต่อ ที่มีความเคลื่อนไหวในสภาฯแต่เราเป็นกิจกรรมนอกสภาฯ ในสภามีการอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐมนตรีในสภา วันที่31สิงหาคม ต่อเนื่องไปถึงวันที่2กันยายน ถึงเราจะจัดกิจกรรมใหญ่เป็นการลงคะแนนไม่ไว้วางใจพลเอกประยุทธ์และรัฐบาลนอกสภาซึ่งหมายความว่าในสภาก็จะมีการที่ไปอำนวยการกันไปเป็นเรื่องของฝ่ายการเมืองแต่นอกสภาเราจะมีเวทีมีการชุมนุมใหญ่เคลื่อนไหว พร้อมกันและเชิญประชาชนมาร่วมในการลงคะแนนไม่ไว้วางใจรัฐบาลรหัสเสียงของประชาชนออกมาว่าไม่ไว้วางใจรัฐบาลและเสียงในสภาออกมาว่าบรรดาสส. ไว้วางใจรัฐบาล สิ่งนี้ก็จะกลายเป็นประเด็นและเงื่อนไขซึ่งจะนำไปสู่การชุมนุมใหญ่ที่ต่อเนื่อง ทั้งในกรุงเทพ และต่างจังหวัด

ชุมนุม 29 สิงหา

นายสมบัติ กล่าวอีกว่า ช่วงนี้เป็นช่วงเวลาสำคัญและเป็นโอกาสที่ประชาชนที่จะร่วมไม้ร่วมมือกันซึ่งจริงแล้วเรากำลังสู้กับยางภายของพลเอกประยุทธ์คือพลเอกประยุทธ์เป็นบุคคลที่ที่เราสงสัยว่ามียางอาย หรือป่าว ความผิดพลาดในการบริหารประเทศ มาถึงขนาดนี้ แต่ยังไม่ยอมออกมาแสดงความรับผิดชอบใดๆเลยเราจะใช้วิธีการรีดยางอาย ซึ่งปกติคนมียางอาย ทำผิดพลาดนิดหน่อยก็ต้องยอมรับ แต่พล.อ.ประยุทธ์ ไม่เคยมีการแสดงความรับผิดชอบใดๆ ซึ่งยางอายอาจจะอยู่ลึกมาก หรืออาจจะมีน้อย พวกเราจะต้องรีบจนพล.อ.ประยุทธ์ ยอมเราไม่ต้องการเอาชนะ อย่าเข้าใจผิด

“ผมมองแล้วว่าพล.อ.ประยุทธ์ ไม่มีความสามารถหากยังคงบริหารประเทศต่อไปแบบนี้ภายใต้ก่อนนำของพล.อ.ประยุทธ์ มันจะนำความเสียหายมาสู่พี่น้องประชาชน แล้วยากมากที่จะกอบกู้วิกฤตหรือกู้ซากปรักหักพังที่พล.อ.ประยุทธ์ สร้างสมไว้เป็นสมบัติให้กับประชาชน ไปใช้หนี้กันในอนาคต บาดแผลเหล่านี้เราไม่ควรให้พล.อ.ประยุทธ์ ทำเละเทะไปมากกว่านี้ หากไม่สามารถที่จะสร้างยางอายด้วยตัวเองได้ ผมก็ขอเรียกร้องให้พรรคร่วมรัฐบาล ช่วยทำให้พล.อ.ประยุทธ์ ลงจากอำนาจเสียที หากพรรคร่วมรัฐบาลไม่กระทำการแต่ยังคงเป็นนั่งร้าน ให้กับพล.อ.ประยุทธ์ ต่อไปสุดท้ายประชาชนจะเป็นคนตัดสินพรรคร่วมรัฐบาล เองไม่ว่าจะเกิดขึ้นในช่วงเวลาใด ช่วงเวลานี้หรือในการเลือกตั้งในโอกาสต่อไปผมมองว่า10วันหลังจากนี้จะมีความเข้มข้นทางการเมืองขึ้นเรื่อย”บก.ลายจุด กล่าว

เมื่อถามว่า กังวลหรือไม่ว่าจะมีเหตุปะทะอย่างที่เคยจัดครั้งผ่านๆมา นายณัฐวุฒิ กล่าวว่า จะมีเหตุปะทะกันที่ไหนก็ตามเราเป็นห่วงอยู่แล้วเพราะในแนวทางหรือวัตถุประสงค์ของการเคลื่อนไหวมันไม่มีเรื่องนี้และการแสดงเจตนารมย์คือการหลีกเลี่ยงให้มากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ทั้งนั้นจึงขอแสดงความหวังในตรงนี้ว่าในวันที่ 29 สิงหาคมทุกอย่างจะเริ่มต้นและจบลงด้วยความสงบเรียบร้อยในเวลา ก่อนค่ำ คือ 18.00 น. ก็จะประกาศยุติการชุมนุม และหวังว่าจะไม่เกิดความรุนแรงในพื้นที่ใดก็ตามในวันนั้นและหวังว่าพลังเนื้อหาสาระหรือรูปแบบการเคลื่อนไหวของ CAR MOB CALL OUT จะมีพื้นที่ทางสาธารณะในทุกช่องทางของสื่อสารมวลชนหรือสื่อออนไลน์สื่อไปถึงประชาชนทั้งคนไทยและคนทั่วโลกได้อย่างเต็มที่

เมื่อถามว่าการปะทะกันที่สามเหลี่ยมดินแดง ไม่ว่าจะฝ่ายใดเริ่มก่อนก็ตามมองอย่างไร นายณัฐวุฒิ กล่าวว่า นี้เป็นสถานการณ์ที่ทุกฝ่ายต้องตระหนักร่วมกันว่า มันไม่ใช่สิ่งที่เป็นประโยชน์กับฝ่ายใดไม่ว่าจะเป็นฝ่ายประชาชนหรือเจ้าหน้าที่ โดยหลักการในสังคมประชาธิปไตย ที่เกิดเหตุประทะระหว่างประชาชนกับเจ้าหน้าที่ทุกวันจนเกือบกายเป็นเรื่องปกติ รัฐจะปฏิเสธความรับผิดชอบไม่ได้ รัฐจะเอาชนะประชาชนด้วยการใช้กำลังกลางถนนทุกวัน เช่นที่ผ่านมาไม่ได้ เราเรียกร้องเสมอให้รับฟังเสียงจากเยาวชนและให้เปิดพื้นที่การปฎิบัติการลดความรุนแรง ลดเงื่อนไขการเผชิญหน้ากับเยาวชนกลุ่มดังกล่าวให้มากขึ้น และเราเรียกร้องด้วยว่าให้นายกรัฐมนตรี หรือผู้ใหญ่ในรัฐบาลส่งสัญญาณให้ชัดว่าท่านไม่ประสงค์สิ่งนี้กำชับเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติว่าจะต้องไม่ให้มีการปะทะหรือใช้กำลังกับประชาชนอีกต่อไป

ด้านนายสมบัติ กล่าวว่า ตนยอมรับว่าเป็นปฏิกิริยาของน้องๆที่เขาไม่เอาพล.อ.ประยุทธ์ และหาวิธีการในการแสดงออก ซึ่งหากเราต้องการเอาชนะพล.อ.ประยุทธ์ หรือชนะเผด็จการ ที่มีกำลัง มีกองกำลัง มีงบประมาณ มีอาวุธซึ่งหนทางสำคัญที่จะเป็นไปได้เราจะต้องชนะทางการเมืองก่อน ทางการเมืองนั้นหมายถึงจะต้องมีประชาชนจำนวนมาก เห็นด้วยและเข้าร่วมแนวทางที่เป็นแนวทางทางการเมืองมันถูกมานำเป็นแนวทางหลักของการต่อสู้ของประชาชน การใช้กำลังของรัฐในการต่อสู้ทางการเมืองที่ยืนหยัดอยู่บนแนวทางสันติวิธี จะเป็นการลดทอนความชอบธรรมทางการเมืองของรัฐ ให้ตกต่ำลงไปอีก แล้วจะทำให้การเคลื่อนไหวของประชาชน ได้รับความชอบธรรม ตนอยากจะเชิญชวนน้องๆอยากให้ลองมาร่วมต่อสู้ทางการเมือง มาสู้กันแล้วไม่เอาตัวเองไปเป็นเหยื่อกับฝ่ายรัฐที่ใช้ความรุนแรงกับเรา เวลานี้เป็นโอกาสสำคัญ ที่ประชาชนจะออกมาขับไล่พล.อ.ประยุทธ์ ในครั้งนี้