เบื้องหลังความแรงของบรู๊คลินน์ เน็ตส์

ทีมที่แรงที่สุดในเอ็นบีเอตอนนี้ ต้องยกให้กับ บรู๊คลินน์ เน็ตส์ ที่ชนะมาอย่างต่อเนื่องจนขึ้นมาอยู่อันดับ 2 ของสายตะวันออก ทั้งที่ช่วงต้นฤดูกาลยังส่อแววเป็นทีมสุดผิดหวังอยู่เลย

จุดเปลี่ยนสำคัญคือการ”เปลี่ยนโค้ช” จริงๆ เมื่อเปลี่ยนจากสตีฟ แนช เป็น ฌักส์ วอห์น แล้ว ทีมดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัด

สิ่งแรกที่ต้องยกย่องวอห์น คือ สามารถทำให้ บรรดา “ตัวตึง” ในทีมสามารถกลับมามีสมาธิในการเล่น พยายามสู้เพื่อทีมได้ โดยเฉพาะ คายรี่ เออร์วิ่ง และ เบน ซิมม่อนส์

เบน ซิมม่อนส์ พักร้อนไป 1 ซีซั่นเต็มๆ จากการมีปัญหากับทีม ฟิลาเดลเฟีย เซเวนตีซิกเซอร์ส ก่อนถูกเทรดมาเน็ตส์ ก็ไม่ได้ลงสนามเพราะมีปัญหาอาการบาดเจ็บที่หลัง

ช่วงพรีซีซั่น ก่อนเปิดฤดูกาล ต่อเนื่องช่วงเริ่มต้นของฤดูกาลปกติ ซิมม่อนส์ ยังดูน่าผิดหวัง เป็นเหมือนตัวตลกของทีม จากฟอร์มการเล่นที่ค่อนข้างแย่

แต่เมื่อ วอห์น เข้ามา เขากลับสามารถ ดึงศักยภาพของเบน ซิมม่อนส์ ออกมาได้อย่างน่าประทับใจ ทำให้เบน ซิมม่อนส์ ซึ่งมีปัญหาเรื่องสภาพจิตใจ ไม่กล้าเล่น กลับมาเล่นได้อย่างดุดัน ไม่เกรงใจใคร กล้าชนกับคู่แข่งที่ตัวใหญ่กว่า ซึ่งช่วยให้เขากลับมามีผลงานดีอีกครั้ง

อีกคนที่ “ตึง” ไม่แพ้กันคือ คายรี่ เออร์วิ่ง ที่สร้างปัญหา สร้างดราม่า ได้ตลอด ในซีซั่นก่อนคือวัคซีน ซีซั่นนี้ก็พฤติกรรมเหยียดชาวยิว จนทำให้ถูกแบนไประยะนึง

แต่ วอห์น กลับ ทำให้ เออร์วิ่ง กลับมาเป็นสุดยอดการ์ดระดับหัวแถวของเอ็นบีเออีกครั้ง ช่วยให้ เออร์วิ่ง กลับมาเป็น “เทพคายรี่” เหมือนสมัยที่เขาเล่นให้คลีฟแลนด์ คาวาเลียร์ส ได้สำเร็จอย่างเหนือความคาดหมาย

จากที่อดีตสต๊าฟโค้ชของเน็ตส์ ต่างบอกว่า คายรี่ เออร์วิ่ง คือตัวปัญหา ที่ถ่วงทีม แต่วอห์น กลับสามารถทำให้คายรี่ เป็นผู้เล่นซูเปอร์สตาร์ ตัวหลักของทีมได้

ทั้ง 2 เคส ต้องชม โค้ช วอห์น ที่รู้วิธีพูดกับผู้เล่นที่มีปัญหาพวกนี้ให้กลับมาเป็นซูเปอร์สตาร์ได้อีกครั้ง

อีกด้านหนึ่ง วอห์น ก็สามารถปั้นผู้เล่นโนเนมให้ขึ้นมาโดดเด่นได้ ตามสไตล์สต๊าฟโค้ชในสายงานของ “โค้ชป็อป” เกร็ก โปโปวิช ทั้ง นิค แคล็คซ์ตัน และ ยูตะ วาตานาเบะ

ก่อนหน้านี้ แคล็คซ์ตัน ดูเป็นผู้เล่นดาวรุ่ง ภายใต้การคุมทีมของสตีฟ แนช ที่พัฒนาค่อนข้างช้า เกือบไม่ได้อยู่กับทีมต่อในฤดูกาลนี้ แต่ทีมยังเลือกที่จะเก็บไว้

พอ วอห์น มาคุม ก็ทำให้แคล็คซ์ตัน เป็น “สุดยอดผู้ป้องกันปากห่วง” เป็นผู้เล่นที่สามารถบล็อคคู่แข่งได้บ่อย คอยเฝ้าพื้นที่ใต้แป้นได้สุดยอดมาก มีลุ้นติดทีมรับยอดเยี่ยมในฤดูกาลนี้จริงๆ

ยูตะ วาตานาเบะ เซ็นสัญญาเข้าร่วมทีมเน็ตส์ แบบไม่การันตีค่าเหนื่อยเป็นเวลา 1 ฤดูกาล หลังจากที่เป็นผู้เล่นสำรองอยู่เม็มฟิส กริซลี่ย์ส และ โตรอนโต้ แร็พเตอร์ส

ก่อนเปิดฤดูกาล วาตานาเบะ ถูกมองว่า น่าจะเป็นเพียงแค่ตัวฝึกซ้อม อาจโดนปล่อยทิ้งเมื่อไหร่ก็ได้ แต่พอ วอห์นเข้ามา เขาก็ มีโอกาสลงสนาม มากขึ้น จนกลายเป็นตัวหลักของทีมได้แล้ว โดยเฉพาะการชู้ต 3 คะแนน

ตอนนี้ แทบจะบอกได้ว่า วาตานาเบะ มีอนาคตในเอ็นบีเอที่ค่อนข้างสดใสแล้ว

ยิ่งไปกว่านั้น สิ่งที่ น่าประทับใจในซีซั่นนี้คือ เน็ตส์ เอาผู้เล่นที่เหมือนเป็น “ดาวดับ” ให้กลับมาส่องแสง มีผลงานดีได้อีกครั้ง เช่นกัน นั่นคือ เอ็ดมอนด์ ซัมเนอร์ และ ทีเจ วอร์เรน

วอร์เรน ได้รับบาดเจ็บหนักตั้งแต่การแข่งในบับเบิ้ล ตอนอยู่อินเดียน่า เพเซอร์ส เมื่อปี 2020 ทำให้ตึหายจากเอ็นบีเอไป 2 ฤดูกาล แล้วมาเซ็นสัญญารับค่าเหนื่อยขั้นต่ำกับเน็ตส์ ก่อนเปิดฤดูกาลนี้

ตอนที่ วอร์เรน เข้ามา ก็ดูเหมือนไม่มีอะไร แค่มาเป็นสำรองเฉยๆ แต่สำหรับเจ้าตัว ถือเป็นการพิสูจน์ตัวเอง เพื่อสัญญามูลค่าสูงขึ้นต่อไปในอนาคต

แล้วก็เป็นไปตามที่วอร์เรนหวัง เขาก็สามารถลงสนาม เป็นผู้เล่นที่พึ่งพาได้จริงๆ

เอ็ดมอนด์ ซัมเนอร์ ผู้เล่นคนนี้ หลายคนคงไม่รู้จัก แต่ แฟนอินเดียน่า เพเซอร์ส น่าจะยังจำเขาได้ จากที่เขาเคยลงสนาม แล้วทำผลงานได้ดี แต่โชคร้าย ได้รับบาดเจ็บหนัก ทำให้ต้องพักยาว ก่อนโดนเทรดออกจากทีม

ที่น่าตลกคือ ทีมที่ซัมเนอร์ โดนเทรดไปในตอนนั้น ก็คือทีม บรู๊คลินน์ เน็ตส์ นี่เอง เมื่อเดือนตุลาคม 2021

แต่ 9 เดือนต่อมา หรือ ผ่านไป 1 ซีซั่น เน็ตส์ ก็เซ็นสัญญาดึงตัวซัมเนอร์ กลับมาอีกครั้ง ด้วยสัญญาแบบไม่การันตีค่าเหนื่อยจนจบฤดูกาลนี้

ซีซั่นนี้ ซัมเนอร์ เป็นตัวสำรองในตำแหน่งการ์ดที่พึ่งพาได้ บางเกมสามารถทำได้เกิน 10 คะแนน ถือว่าน่าพึงพอใจจริงๆ