สาวท้องแก่กินยาผิดหวิดดับ เจ้าหน้าที่ รพ. หยิบยาชาให้กิน 2 ขวด เผยนาทีชีวิต รอดหวุดหวิด

สาวท้องแก่กินยาผิดหวิดดับ

สาวท้องแก่กินยาผิดหวิดดับ เจ้าหน้าที่ โรงพยาบาล หยิบยาชาให้รับประทานไป 2 ขวด เล่านาทีร่างกายกระตุก คุมตัวเองไม่ได้

ชีวิตคนป่วย 1 ชีวิตนะ..จุดบกพร่องที่เกิดขึ้นข้อเท็จจริงมันกำเนิดได้ยังไง..สาธารณสุขจังหวัดจะต้องพิจารณาด้วยแล้ว…มีมาตรการการปรับปรุงปกป้องที่จะไม่ให้เกิดขึ้นอีกไหม

โดยผู้เสียหายบอกว่า กำลังมีท้องราวๆ 37 อาทิตย์ วันจันทร์ที่ 22 พฤษภาคม2566 มีนัดเจาะเลือดตรวจโรคเบาหวาน ตรวจต่างๆนานา แล้วจำเป็นต้องกลืนน้ำตาล ข้าราชการเรียกให้ไปรับขวดยาราวกับขวดน้ำตาลมากิน พอดูดเข้าไปมัน ชาที่ปากรวมทั้งคอเลยหยุดรับประทาน ในใจมีความคิดว่าตนเองมีอะไรเปลี่ยนไปจากปกติหรือไม่ ข้าราชการเลยนำยาขมๆมาให้รับประทาน คือไม่ได้มีความคิดว่าอันตราย เพราะมา โรงพยาบาล ไม่ได้มีความคิดว่าจะพบความเลินเล่ออย่างนี้

พอเรียกชื่อเข้าไปตรวจ ตนพูดว่ายังรับประทานไม่หมดเพราะว่ามันขม แม้กระนั้นไม่เคยรู้ว่าข้าราชการได้ยินหรือไม่ เนื่องจากว่าต้องการกลับไวๆก็เลยกลั้นใจรับประทานจนหมด 2 ขวด แล้วเดินไปพูดว่ารับประทานหมดแล้ว พยาบาลก็เรียกเข้าห้องฟังเสียงหัวใจลูกพอดี ตนก็เลยถามคำถามว่า

“แพทย์เปลี่ยนยาหรอค่ะ ทำไมมันขม” แม้กระนั้นแพทย์ตอบว่ามิได้แปลง ดื่มน้ำตาลจำต้องหวานสิ ตนเลยพูดว่ามันขม รับประทานและชาปากชาคอ แพทย์เลยให้พวกเราไปจับขวดมาดู สรุปซึ่งมันไม่ใช่น้ำตาล แต่ว่ามันเป็นยาชา ที่เบิกมาเพื่อจะเอาไว้ฝังเข็มยาคุมกำเนิด

แล้วแพทย์ให้นั่งคอยราวๆ 10 นาที เป็นนั่งไม่ได้ตาจะปิด มึนหัว พอเค้าประคองไปนอนเป็นยามันออกฤทธิ์แรงมากมาย ปากพูดไม่ได้ ตาลืมไม่ได้ รู้สึกอยู่เสมอ แม้กระนั้นขยับไม่ได้เลย เริ่มมึนหัวแบบบ้านหมุนราวๆ20 นาทีได้ มือเท้ากระตุกตลอดความดันขึ้น จนกระทั่งต้องวัดคลื่นหัวใจ

พอซักพักเริ่มหายใจไม่ออก สาวท้องแก่กินยาผิดหวิดดับ ร่างกายเริ่มกระตุกรุนแรงขึ้น ขาดอากาศไปพักหนึ่ง เวลานี้เป็นในตาที่หลับมันมืดดำไปเลย พยายามอ้าปากให้มีอากาศเข้า สติเริ่มหาย แต่ว่ามีอากาศเฮือกสุดท้ายที่หายใจเข้า เวลาที่กรี๊ดออกมา ตอนที่กรี๊ดซึ่งมันควบคุมไม่ได้เลย มันคือลมหายใจสุดท้ายจริงๆขณะนั้น พอได้หายใจเข้าอีกรอบคือแบบร้องไห้เลย กลัวตนเองตายกลัวทารกในครรภ์ตาย ในขณะนี้ยังสะดุ้งไม่หายเลยมันคือเฮือกสุดท้ายจริงๆ