วิเคราะห์เกมกันหน่อยหลังจากที่ทาง เรอัล มาดริด ที่ปาดน้าเค้กพลิกกลับมาเอาชนะ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ด้วยสกอร์ 3-1 สกอร์รวม 2 นัด 6-5 ผ่านเข้าสู่รอบชิงชนะเลิศ เจอกับ ลิเวอร์พูล ของสุดยอดกุนซือที่พึ่งต่อสัญญาเพราะเมีย เยอร์เกน คลอปป์ ในค่ำคืนวันเสาร์ที่ 28 พฤษภาคมนี้เวลา 02.00 น.
เป็นทางฝั่ง ของทีมเยือน ได้ประตูขึ้นนำไปก่อน 1-0 จาก ริยาด มาห์เรซ นาทีที่ 73 แต่ทว่าเจ้าถิ่น เรอัล มาดริด ได้ 3 ประตูรวดด้วยผลงานของ โรดริโก นาทีที่ 90, นาทีที่ 90+1 และปิดท้ายด้วย คาริม เบนเซมา ที่ยิงจุดโทษ ในนาทีที่ 95 ของเกมการแข่งขัน
สถิติหลังเกม เรอัล มาดริด 3-1 แมนเชสเตอร์ ซิตี้
- คาริม เบนเซมา ทำประตูที่ 7 ใน ยูฟ่า แชมเปียนส์ลีก กับสโมสรจากอังกฤษในฤดูกาลนี้ ซึ่งถือว่ามากที่สุดจากการแข่งขันในซีซั่นเดียว และนักเตะยังทำประตูได้ 4 จาก 5 เกมก่อนหน้านี้ที่พบกับ ลิเวอร์พูล
- เป๊ป กวาร์ดิโอลา ตกรอบรองชนะเลิศ ยูฟ่า แชมเปียนส์ลีก มาแล้ว 6 ครั้ง ปี 2009-10, 2011-12 กับ บาร์เซโลนา, ปี 2013-14, 2014-15, 2015-16 กับบาเยิร์น มิวนิก
- คาร์โล อันเชลอตติ เข้าถึงนัดชิงชนะเลิศ ยูฟ่า แชมเปียนส์ลีก เป็นครั้งที่ 5 โดยในปี 2003, 2005, 2007 กับเอซี มิลาน, 2014, 2022 กับ เรอัล มาดริด ซึ่งเป็นผู้จัดการทีมที่พาทีมเข้าถึงรอบนี้มากที่สุดในประวัติศาสตร์
- ตั้งแต่ปี 2003-04 ที่เริ่มมีรอบ 16 ทีมสุดท้าย เรอัล มาดริด เป็นทีมแรกที่แพ้นัดในรอบ 16 ทีมสุดท้าย (0-1 กับ ปารีส แซงต์ แชร์กแมง), รอบก่อนรองชนะเลิศ (2-3 กับ เชลซี) และรอบรองชนะเลิศ (3-4 กับ แมนเชสเตอร์ ซิตี้)ในนัดแรกแต่สามารถเข้าถึงยูฟ่าแชมเปียนส์ลีก นัดชิงชนะเลิศ
- คาริม เบนเซมา ยิงได้ 10 ประตูใน ยูฟ่า แชมเปียนส์ลีก รอบน็อกเอาต์ ในฤดูกาลนี้ ซึ่งถือว่ามากที่สุดโดยผู้เล่นคนเดียวร่วมกับ คริสเตียโน โรนัลโดในปี 2016-17
- โรดริโก เป็นผู้เล่นคนแรกที่ทำประตูได้สองครั้งในการแข่งขันนาทีที่ 90 ของ ยูฟ่า แชมเปียนส์ลีก รอบน็อกเอาต์
- ริยาด มาห์เรซ ทำประตูที่ 24 ของตัวเองในฤดูกาลนี้จากทุกรายการให้กับ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ โดยมีเพียง โมฮาเหม็ด ซาลาห์ (30 ประตู) ที่ทำประตูได้มากกว่าเขาจากทีมใน พรีเมียร์ลีก อังกฤษ
