วัดสถิติระหว่าง สองกุนซือชื่อดังระหว่าง โซลชา และเจอร์เก้น คล็อปป์

โซลชา และเจอร์เก้น คล็อปป์
โซลชา และเจอร์เก้น คล็อปป์

ตลอดเวลาที่ผ่านมามีหลายคนที่มองว่านี่นับเป็นฤดูกาลที่ โซลชา ต้องพิสูจน์แล้วว่าเขาคือคนที่จะนำ แมนฯ ยูไนเต็ด กลับมาเป็นทีมเบอร์ 1 ของเกาะอังกฤษอีกครั้ง หลังจากได้โอกาสทำทีมมาพักใหญ่แล้ว

ซึ่งมันก็มีคนเอาเขาไปเปรียบเทียบกับ เจอร์เก้น คล็อปป์ ผู้จัดการทีม ลิเวอร์พูล ด้วย หลังจากที่กุนซือชาวเยอรมันสร้างทีมอยู่พักหนึ่งก่อนที่จะนำทีมได้แชมป์ ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก ในฤดูกาล 2018-19 ต่อด้วยการเป็นแชมป์ลีกในซีซั่น 2019-20

บังเอิญเหลือเกินที่ผลงานการคุมทีมลงเล่นเกม พรีเมียร์ลีก ในช่วง 99 นัดแรกของ โซลชา กับ คล็อปป์ นั้น มีความละม้ายคล้ายคลึงกันอย่างมากด้วย โดย คล็อปป์ สามารถพาทีมเก็บชัยชนะในลีกได้ 54 เปอร์เซ็นต์ ส่วน โซลชา ทำให้ แมนฯ ยูไนเต็ด ชนะไป 53 เปอร์เซ็นต์ นอกจากนี้ ในช่วงเวลาดังกล่าวทีมของ คล็อปป์ ก็เก็บแต้มได้เฉลี่ย 1.89 คะแนนต่อ 1 นัด ส่วนของ โซลชา ทำได้เกมละ 1.86 แต้ม

หากเทียบในช่วงเวลา 99 นัดแรกของการนำทีมลงเล่น พรีเมียร์ลีก ลิเวอร์พูล ภายใต้การคุมทีมของ คล็อปป์ เก็บแต้มเฉลี่ยต่อ 1 นัดได้สูงเป็นอันดับ 4 ส่วนทีมของ โซลชา อยู่ในอันดับ 3 นอกจากนี้

ในช่วงดังกล่าวทั้งคู่ยังไม่สามารถนำถ้วยแชมป์มาประดับตู้โชว์ของสโมสรได้เหมือนกันด้วย แถมยังเป็นรองแชมป์มา 2 หนแบบเดียวกันอีก โดยรายของ คล็อปป์ ตอนนั้นเขาเป็นรองแชมป์ ลีก คัพ กับ ยูฟ่า ยูโรปา ลีก ส่วนทีมของ โซลชา เป็นรองแชมป์ลีกกับรองแชมป์ ยูโรปา ลีก ซึ่งนั่นก็เพิ่งเกิดขึ้นเมื่อฤดูกาลก่อนนั่นเอง

อย่างไรก็ตาม สิ่งหนึ่งที่พอจะสื่อได้ว่า คล็อปป์ ทำทีมได้ดีกว่า โซลชา ในช่วงดังกล่าวก็คือภายในเกมลีก 99 นัดแรกนั้น อดีตนายใหญ่ โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ ใช้เงินไปกับการเสรืมทัพ 247 ล้านปอนด์ ต่างกับ โซลชา แบบสุดขั้ว หลังจากปัจจุบันอดีตดาวยิงชาวนอร์เวย์ทุ่มเงินไปกับการเสริมทัพแล้ว 421 ล้านปอนด์เลยทีเดียว

ด้วยเหตุนี้ ภายในช่วงเวลา 99 นัดแรกที่ คล็อปป์ นำทีมลงเล่นเกม พรีเมียร์ลีก นั้น ลิเวอร์พูล เลยมีผลต่างด้านรายรับ-รายจ่ายจากการเสริมทัพ +30 ล้านปอนด์ หรือก็คือ “หงส์แดง” ได้กำไรจากการซื้อ-ขายนักเตะ 30 ล้านปอนด์ ส่วนของ โซลชา อยู่ที่ -314 ล้านปอนด์ด้วยกัน

หากเจาะลึกลงไปอีกนั้นก็จะพบว่า ลิเวอร์พูล ภายใต้การชี้นำของ คล็อปป์ เริ่มผลิดอกออกผลแบบสวยงามจนมีแชมป์ติดมือในการคุมทีมเป็นฤดูกาลที่ 4 พอดี หากนับรวมตอนที่เขาเข้ามาคุมทีมกลางคันในฤดูกาล 2015-16 เข้าไปด้วย โดยซีซั่นที่ว่าตรงกับซีซั่น 2018-19

ซึ่งในช่วงซัมเมอร์ ปี 2018 ลิเวอร์พูล ใช้งบเสริมทัพไปเยอะมากเพื่อให้ได้นักเตะอย่าง อลีสซง เบ็คเกอร์, ฟาบินโญ่, นาบี เกอิต้า และ เซอร์ดาน ชากิรี่ มาร่วมทัพ จนทำให้พอหักลบกับจำนวนเงินที่ได้จากการขายนักเตะแล้วนั้นผลประกอบการด้านตลาดการย้ายทีมของพวกเขาก็ออกมาที่ -144 ล้านปอนด์

อย่างไรก็ตาม จำนวนเงินนั้นก็คุ้มค่าเมื่อพิจารณาถึงเรื่องที่ว่าหลังจากได้แชมป์ แชมเปี้ยนส์ ลีก ในครั้งนั้น ลิเวอร์พูล ก็ยังสามารถต่อยอดจนขึ้นไปเป็นแชมป์ลีกในฤดูกาล 2019-20 ได้อีก ส่วนซีซั่นที่แล้วหลายคนก็ยอมรับว่าถ้าพวกเขาไม่โดนอาการบาดเจ็บเล่นงานอย่างหนักล่ะก็ ทีมของ คล็อปป์ ก็น่าจะมีผลงานดีกว่าการเป็นอันดับ 3 ในลีก และอาจจะมีแชมป์ติดมือบ้างก็ได้

สำหรับ โซลชา นี่นับเป็นการคุม แมนฯ ยูไนเต็ด เป็นซีซั่นที่ 4 เหมือนกัน หากนับรวมตอนที่เข้ามาคุมทีมแบบขัดตาทัพในฤดูกาล 2018-19 เข้าไปด้วย แถมนี่ก็เป็นซีซั่นที่เขาได้นักเตะชั้นยอดอย่าง ซานโช่ และ วาราน มาเสริมแกร่งเหมือนกันอีก ดังนั้นก็ต้องรอดูว่าเขาจะทำให้ทีมมีผลงานดีขึ้นเหมือน คล็อปป์ ได้รึเปล่า