รีวิว AirTag อุปกรณ์ติดตามของหาย ภายใต้การพัฒนาของ Apple

1

รีวิว AirTag อุปกรณ์ติดตามของหาย ภายใต้การพัฒนาของ Apple


AirTag อุปกรณ์ติดตามตัวอัจฉริยะที่ Appleเพิ่งเปิดตัวไปแบบหมาด ๆ แต่กลับถูกกคว่ำบาตรจากสื่อต่าง ๆ ตั้งแต่ยังไม่เริ่มวางขายด้วยซ้ำ ทั้งนี้อาจเนื่องมาจาก กระแสที่มาแรงจนเกินต้าน จากการโปรโมทผ่าน YouTube นั่นเอง ทำให้สามารถเข้าถึงสื่อในวงกว้างอย่างรวดเร็ว ภายในระยะเวลาไม่ถึง4ชั่วโมงด้วยซ้ำ จึงทำให้เกิดกระแสดราม่ามากมาย และวิพากษ์วิจารณ์กันอย่างยกใหญ่ เกี่ยวกับประสิทธิภาพของอุปกรณ์ชิ้นนี้ ดังนั้นสื่อต่างๆจึงเฝ้ารอการวางขายอย่างเป็นทางการ เพื่อประเมินประสิทธิภาพ ว่าตรงกับที่โฆษณาหรือไม่!

แผนการวางขาย AirTag ชิ้นนี้ คุณสามารถจับจองได้เลย ตั้งแต่ 23 เมษายน เป็นต้นไป ซึ่งราคาเปืดตัวเริ่มต้น ประมาณ 29ดอลลาร์ ต่อชิ้นราวๆ900บาทแต่ถ้าซื้อแบบแพ็คเกจ 4 ชิ้น จะประหยัดขึ้นไปอีก เพียง99ดอลลาร์ (หรือประมาณ3,000บาทเท่านั้น

เมื่อเทียบราคากับคุณสมบัติ ที่คุณจะได้รับแล้ว เรียกได้ว่าคุ้มค่า ในระดับหนึ่งเลยทีเดียว เพราะอุปกรณ์ตัวจิ๋วชิ้นนี้ สามารถค้นหาตำแหน่ง สิ่งของที่คุณหวงแหนได้ ไม่ว่าจะเป็นกระเป๋าเงิน พวงกุญแจ กระเป๋าเป้ และของใช้อื่น ๆ ด้วยเหตุนี้ AirTag จึงกลายเป็นของเล่นชิ้นใหม่ สำหรับผู้ที่ชื่นชอบนวัตกรรมสุดล้ำ ซึ่งอาจช่วยคุณตามหาของหายได้ภายในพริบตา

นอกจากนี้การที่ Apple ใช้แอพ Find My มาไว้สำหรับเชื่อมต่อกับ AirTag แต่ไม่ได้รองรับ สำหรับอุปกรณ์จากค่ายอื่น แสดงให้เห็นถึง การวางแผนทางการตลาดแบบแยบยล เพื่อตัดโอกาสที่อุปกรณ์จากค่ายอื่น ๆ จะเข้ามาตีตลาดแข่งขัน กับผลิตภัณฑ์ในตระกูล Apple นั่นเอง

สำหรับการรีวิว AirTag ผ่านวิดีโอจะทำให้คุณ ได้เห็นคุณสมบัติเชิงลึกของอุปกรณ์ โดย Dieter Bohn ของ Verge กล่าวเพิ่มเติมว่า อุปกรณ์จิ๋วแต่แจ๋วชิ้นนี้ ถือเป็นตัวแทนความเป็น “อัจฉริยะ” ของ Apple อย่างแท้จริง เพราะสามารถผุดไอเดียสินค้าใหม่ขึ้นมาได้ และยังอยู่ในกรอบการใช้งาน เฉพาะผลิตภัณฑ์ของตน ดังนั้นเขาจึงชื่นชม Apple เป็นอย่างมาก

ถึงแม้เราอาจจะเคยเห็น อุปกรณ์ลักษณะนี้มาบ้างแล้ว แต่สำหรับ AirTag ผลิตภัณฑ์ชิ้นเยี่ยมของ Apple กลับซ่อนความพิเศษมากกว่านั้น ไม่ใช่เรื่องราคาแพงที่กว่าท้องตลาด แต่น่าจะเรื่องรูปลักษณ์ และฟังก์ชันการใช้งานมากกว่า ที่เรียกได้ว่า กินขาดอุปกรณ์ชิ้นอื่น ๆ แบบเทียบไม่ติด

ที่สำคัญโปรแกรม Find My ที่ใช้ ยังไม่มีเวอร์ชันสำหรับ Android อีกด้วย เรียกได้ว่า Apple มองการณ์ไกลเอามาก ๆ เพราะแผนการที่จะเป็นเจ้าตลาดด้านเทคโนโลยี น่าจะกลายเป็นจริงในไม่ช้า

Matthew Panzarino จาก TechCrunch ยังกล่าวเพิ่มเติมอีกว่า การใช้งาน AirTag อาจมีหน่วงเวลา ในการรับตำแหน่งเริ่มต้น ซึ่งคาดว่าไม่น่าจะเกิน 30 วินาที คุณก็สามารถที่จะค้นหาสิ่งของได้แล้ว แต่ต้องอยู่ในระยะ ที่บลูทูธเข้าถึงเท่านั้น ดังนั้นถ้ามีสิ่งกีดขวาง หรือกำแพงกั้นอยู่ สัญญาณก็อาจตีกลับได้ และอาจต้องเริ่มต้นค้นหาตำแหน่งใหม่นั่นเอง

อย่างไรก็ตาม AirTag เมื่อได้รับตำแหน่งที่แน่ชัดแล้ว ก็จะทำการค้นหาอุปกรณ์ และจับสัญญาณได้อย่างแม่นยำ ซึ่งถือได้ว่า เป็นที่น่าพอใจ สำหรับคุณ ๆ ที่ของหาย และอยากได้คืน!

แต่เรื่องความสวยงามสำหรับ Brenda Stolyar แห่ง Mashable กลับไม่ค่อยรู้สึกตื่นเต้นสักเท่าไรกับ AirTag เนื่องจากเธอชื่นชมคุณสมบัติด้านอื่นมากกว่า อาทิ การตอบสนองต่อหน้าจอแบบสัมผัส และใช้เสียงในการสั่งการ เนื่องจากมีการใช้ชิป U1 จึงมีความแม่นยำสูงในการค้นหา โดยหลังจากที่เชื่อมต่อกับ iPhone ก็สามารถใช้ ARKit ในการเชื่อมกับ AirTag ได้ทันที จากนั้นก็สามารถตามหาของหายได้เลย