สืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 23 พ.ค. 2564 ที่ผ่านมาเจ้าหน้าที่จุดคัดกรองของขนส่งจังหวัดร้อยเอ็ดทำหน้าที่ประจำ บขส. ร้อยเอ็ดได้ตรวจพบหญิงสาวชาวลาวเดินทางมาจากกรุงเทพโดยรถสายร้อยเอ็ดอุบลจากนั้นได้มาลงรถเพื่อต่อไปที่จังหวัดมุกดาหารแต่เจ้าหน้าที่ขอดูเอกสารประจำตัวกับไม่มีอะไรให้เจ้าหน้าที่ดูจากนั้นเจ้าหน้าที่ประจำจุดคัดกรองจึงได้แจ้งให้ตำรวจทราบควบคุมตัวไปตรวจสอบความเป็นมา
ผู้สื่อข่าวภูมิภาครายงานว่า หญิงชาวลาวให้การเบื้องต้นว่าได้มีคนมาส่งที่หมอชิตจากนั้นได้ซื้อตั๋วรถให้มาลงที่ร้อยเอ็ด เพื่อที่จะเดินทางต่อไปมุกดาหารแล้บกลับประเทศลาวแต่เมื่อมาถึงร้อยเอ็ดกลับไม่สามารถ ซื้อตั๋วไปต่อมุกดาหารได้ เพราะเจ้าหน้าที่ขายตั๋วตรวจสอบแล้วไม่มีเอกสารแสดงตัวตน ว่าเป็นใครมาจากไหนอย่างไร จึงไม่ขายตั๋วให้ และบอกเพียงแต่ว่า ทำงานเป็นสาวเสริฟในสถานบริการแห่งหนึ่งในกรุงเทพ
สร้างความผวาให้แก่เจ้าหน้าที่ทั้ง บขส. และแจ้งตำรวจควบคุมตัวหญิงชาวลาวคนดั่งกล่าวไปสอบสวน ที่ สภ.เมืองร้อยเอ็ดอยู่กว่า 1 ชั่วโมง หญิงชาวลาวคนดั่งกล่าวได้ให้การถึงเหตุที่เดินทางกลับบ้าน ว่ายอมรับก่อนเดินทางกลับได้ไปหลับนอนกับชายกลุ่มเสี่ยงมา 3 คนที่กรุงเทพ จากนั้นนายจ้างจึงได้ไล่ออก และนำตัว มาปล่อยให้ขึ้นรถเองที่ตลาดหมอชิต เพื่อเดินทางกลับประเทศลาวผ่านมุกดาหาร ซึ่งสร้างความผวาให้แก่เจ้าหน้าที่เป็นอย่างมาก เพราะสาวลาวคนดั่งกล่าวอาจจะติดโควิดมา จากนั้น เจ้าหน้าที่จึงได้แยกห้องควบคุมตัวและจะนำตัวสาวลาวคนดั่งกล่าวไปตรวจหาเชื้อโควิดที่โรงพยาบาลร้อยเอ็ดในวันรุ่งขึ้น เมื่อความมั่นใจหากสาวลาวคนดั่งกล่าวติดเชื้อจริงอาจจะมีเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เมืองร้อยเอ็ดต้องได้กักตัวอีกหลายคน
ล่าสุด ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจสภ.เมืองร้อยเอ็ดได้ประสานมายังเจ้าหน้าที่กู้ภัยอโสก เพื่อย้ายหญิงชาวลาวไปยังสถานที่กักตัวชั่วคราวในรพ.ร้อยเอ็ดเพื่อรอผลการตรวจเชื้อแต่เจ้าตัวพยายามหลบหนีออกจากสถานที่กักตัวไม่ยอมไปตรวจเชื้อต้องกล่อมเป็นเวลานาน จึงยอมเข้ามาอยู่ในสถานที่กักตัวและให้ทีมแพทย์จากโรงพยาบาลร้อยเอ็ดเข้ามาตรวจหาเชื้อโควิดซึ่งจะต้องรอผลเป็นเวลากว่า24ชั่วโมง จึงจะมีผลออกว่ามาสาวลาวคนดังกล่าวติดเชื้อโควิดหรือไม่ และหลังจาก นำตัวสาวลาวดังกล่าวไปกักตัวที่ รพ.เพื่อรอผลตรวจ ทางสภ.เมืองร้อยเอ็ด ได้ประสานเจ้าหน้าที่หน่วยกู้ภัยอโสก และกลุ่มจิตอาสาควบคุมโรค เข้ามาทำความสะอาดและฉีดพ่นยาฆ่าเชื้อทั้งในและนอก สภ.เมืองร้อยเอ็ด รวมทั้งห้องขังทั้งหมดและรอบบริเวรโรงพักเพื่อสร้างความมั่นใจให้แก่เจ้าหน้าที่ตำรวจของ สภ.เมืองร้อยเอ็ด และประชาชนที่มาใช้บริการ ให้เกิดความมั่นใจว่าจะปลอดภัยจากการติดเชื้อหากผลตรวจว่าสาวรายดังกล่าวติดเชื้อ และหากไม่ติดเชื้อจึงจะส่งเดินทางกลับต่อไป
